วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2565

สเต็มเซลล์ : อนาคตของสุขภาพและการแพทย์

STEMCELL คืออะไร


Stemcell  เป็นเซลล์ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนเป็นเซลล์ชนิดอื่นๆ ในร่างกาย ในระหว่างการเจริญเติบโตและการพัฒนา ในวัยผู้ใหญ่ Stemcell จะทำหน้าที่เป็นระบบซ่อมแซมร่างกาย โดย Stemcell นั้นมีความสามารถในการแบ่งตัวเพื่อเติมเต็มในตัวเอง ทั้งยังมีความสามารถในการเปลี่ยนเป็นเซลล์อวัยวะเฉพาะในกระบวนการที่เรียกว่ากระบวนการสร้างความแตกต่าง และจากกระบวนการสร้างความแตกต่างของสเต็มเซลล์ ยังสามารถแทนที่เซลล์อวัยวะที่เสียหายได้มันเกิดจากการแทนที่เซลล์ที่เสียหายด้วยเซลล์อวัยวะใหม่ซึ่งได้มาจากสเต็มเซลล์จึงเกิดการงอกใหม่ และการใช้ Stemcell ในการรักษาโรคของมนุษย์ในปัจจุบันจึงถูกเรียกว่า “เวชศาสตร์ฟื้นฟู”

StemCell สำคัญยังไง?

StemCell แตกต่างจากเซลล์ชนิดอื่นในร่างกายตรงที่เป็นเซลล์ที่ไม่เฉพาะเจาะจงซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์พิเศษชนิดใดก็ได้ StemCell มีอยู่ทั่วร่างกาย และอาจอยู่เฉยๆ (ไม่แบ่งตัว) นานหลายปีจนกว่าจะมีการกระตุ้น การกระตุ้น StemCell นั้นเกิดขึ้นเพื่อแยกความแตกต่างออกให้กลายเป็นเซลล์เฉพาะที่จะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ใหม่จำเป็นต้องรักษาการทำงานของอวัยวะและเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ การบาดเจ็บที่เนื้อเยื่อก็สามารถกระตุ้นสเต็มเซลล์ได้เช่นกัน เมื่อร่างกายยังคงมีความสามารถในการผลิตเปปไทด์และมีการแสดงออกของยีนที่อยู่ในระดับที่เพียงพอ สเต็มเซลล์ทั้งหมดจะสามารถแบ่งและต่ออายุตัวเองได้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น เปปไทด์ที่เป็นตัวกระตุ้นสเต็มเซลล์จะลดลงและการต่ออายุ StemCell จะช้าลงอย่างมาก เมื่อกระบวนการของการตายของเซลล์เกินกว่าการต่ออายุและการซ่อมแซมจากสเต็มเซลล์

การเสื่อมสภาพของอวัยวะจึงเริ่มต้น สุขภาพจะเสื่อมลง และในที่สุด หากการทำงานของอวัยวะลดลงมากเกินไป ความตายก็จะตามมาในไม่ช้า

เราจะใช้ StemCell อย่างไร?

แม้ว่าวงการแพทย์จะรู้จักสเต็มเซลล์มานานกว่า 60 ปีแล้ว แต่จนถึงปี 2511 แพทย์ได้ใช้สเต็มเซลล์จากไขกระดูก  เพื่อทำการปลูกถ่ายไขกระดูกที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ปัจจุบันแพทย์สามารถเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดและไขมันได้แล้ว จากนั้น สเต็มเซลล์เหล่านี้จะถูกฉีดกลับเข้าไปในกระแสเลือดหรือฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อโดยตรง แม้ว่าหลายคนจะได้รับประโยชน์ แต่กระบวนการนี้มีราคาแพงมากและอาจมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นดอลลาร์สำหรับการฉีดแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายในการฉีด สเต็มเซลล์จะมีราคาแตกต่างกันไป และการประกันภัยไม่ครอบคลุมขั้นตอนเหล่านี้ ซึ่งบริษัทประกันภัยหลายแห่งยังถือว่าเป็นการทดลอง คลินิกที่เก็บเกี่ยวสเต็มเซลล์จากเลือดและไขมันมีอยู่ในหลายประเทศและรวมถึงสหรัฐอเมริกา

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดซ้ำของสเต็มเซลล์ที่เก็บแล้วสามารถทนทานได้เป็นอย่างดี มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือ StemCell ที่เก็บจากเลือดและไขมันสามารถกระตุ้นให้แบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนที่มากขึ้นได้ในห้องทดลอง การโคลนสเต็มเซลล์ช่วยให้แพทย์ฉีดแต่ละครั้งได้ในปริมาณมากขึ้น แต่กระบวนการนี้กลับเป็นสิ่งต้องห้ามในหลายประเทศ “FDA โต้แย้งว่ากระบวนการใดๆ ที่รวมถึงการเพาะเลี้ยง การขยาย และการเพิ่มปัจจัยการเจริญเติบโตหรือยาปฏิชีวนะนั้นจำเป็นต้องมีการควบคุมเนื่องจากกระบวนการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย

(Reisman and Adams, 2014)”

เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่กฎระเบียบของรัฐบาลได้จำกัดการใช้สเต็มเซลล์ไว้อย่างเคร่งครัด และกฎระเบียบที่แตกต่างกันไปทั่วโลก การวิจัยใหม่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาได้ค้นพบว่าเซลล์ของผู้ที่โตเต็มวัยแบบฉพาะที่เก็บได้จากทางจากผิวหนัง ตับและเซลล์อื่นๆ สามารถถูกบังคับให้เปลี่ยนกลับเป็นสเต็มเซลล์ได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ส่วนใหญ่ถูกจำกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยและห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพ และยังมีราคาแพงมาก นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ที่แปลงแล้วบางส่วนเหล่านี้จะสามารถเติบโตเป็นเนื้องอกได้ ดังนั้นปัญหาด้านความปลอดภัยจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข “การรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จากสเต็มเซลล์เป็นความท้าทายที่ส าคัญ องค์การอาหารและยากล่าว เซลล์ที่ผลิตในปริมาณมากนอกสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในร่างกายมนุษย์อาจไม่ได้ผลหรือเป็นอันตราย และก่อให้เกิดผลเสียที่สำคัญ เช่น เนื้องอก ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่รุนแรง หรือการเติบโตของเนื้อเยื่อที่ไม่ต้องการ (Reisman and Adams,2014)”

ใครบ้างที่ต้องการสเต็มเซลล์?

คำตอบคือ  ...ทุกคน!

StemCell ช่วยคุณได้อย่างไร?

สเต็มเซลล์สามารถรักษาสภาวะและโรคต่างๆ ที่ปัจจุบันรักษาไม่ได้ ประเด็นส าคัญในขณะนี้คือความปลอดภัยประสิทธิภาพ ความถูกต้องตามกฎหมาย และต้นทุน

ตัวเลือกของฉันคืออะไร?

ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานี้ แต่ละคนต้องเผชิญกับทางเลือกที่จำกัดมากเกี่ยวกับ StemCell :

1. ไม่ทำอะไรเลย และปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไปตามวิถีของมัน

2. จ่ายค่าฉีด StemCell ที่อาจไม่ถูกกฎหมายหรือไม่ปลอดภัย

3. สำรวจวิธีการทางเลือกในการปรับปรุงสุขภาพ

(Reisman M, Adams KT. การบ าบัดด้วยเซลล์ต้นก าเนิด: ดูงานวิจัย กฎระเบียบ และอุปสรรคที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน PT 2014;39(12):846-57.)

โดยสรุป ในอนาคต (อาจจะอีก 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า) การฉีดสเต็มเซลล์มีโอกาสจะเกิดขึ้นบ่อยมาก และStemcCell  จะถูกนำมาใช้รักษาโรคที่ถือว่ารักษาไม่หายในปัจจุบันนี้ ซึ่งในขณะนี้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก และมีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น ทุกวันนี้จึงมีการค้นหาวิธีการที่จะได้รับประโยชน์จากสเต็มเซลล์โดยไม่มีข้อเสียข้างต้น

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

คอปเปอร์เปปไทด์(CHK-Cu)

 คอปเปอร์ เปปไทด์ (Copper Peptide) 



                คอปเปอร์ เปปไทด์ สังเคราะห์ด้วยการรวมตัวของแร่ธาตุทองแดงกับกรดอะมิโน 3ชนิด สารชนิดนี้เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีการวิจัยเกี่ยวกับ คอปเปอร์ เปปไทด์ ว่าสารชนิดนี้จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยโดยการใช้เปปไทด์สังเคราะห์ได้อย่างไร

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565

ความเป็นมาของ พลังแสงบำบัด Life Wave X 39

พลังแสงบำบัด คืออะไร 

 


แผ่นกดจุด ไล์ฟเวฟ X39 เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับ การสร้าง คอปเปอร์ เปปไทด์(์GHK-Cu) ในร่างกายของคุณ X39 ช่วยยกระดับ คอปเปอร์ เปปไทด์ (GHK-Cu) โดยใช้รูปแบบการส่องไฟที่เป็น เอกสิทธิ์ และจดสิทธิบัตร โดย นักวิทยาศาสตร์  คุณ เดวิท  เชอร์มิต เป็น เปปไทด์ ที่เกิดขึ้น จากธรรมชาติ
ในร่างกายมนุษย์ ซึ่ง ปกติจะมีปริมาณ ลดลงตามอายุขัย ที่เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่ง หลังจาก อายุ 60 ปี  ระดับ
GHK-Cu ของ คนเรา จะลดลง มากว่า  60%  หรือที่เรียกว่า stemcell ลดลง

     ดร.เดวิด เชอร์มิต และทีมวิจัยไลฟ์เวฟ ในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย ได้ทำการศึกษาวิจัย วิธีการใหม่ๆ ในการที่จะเร่งฟื้นฟูร่างกาย  หลังได้รับบาดเจ็บ   การค้นพบนี้ จึงได้เกิดนวตกรรม ที่แปลกใหม่  โดยทดลอง ครั้งแรก กับหนอน  (ที่เป็นแบบจำลอง เชลส์ทางชีววิทยา) ทำให้พบว่าสามารถยกระดับความเร็วของการฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น ถึง 90% และได้รับการจดสิทธิบัตร ระดับโลก มากกว่า  100  สิทธิบัตร  




วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565

พลังแสงบำบัด ด้วยแผ่นแปะ LifeWave X 39

Life Wave X 39 แผ่นแปะเพื่อสุขภาพ พลังแสงบำบัด  เพื่อความผ่อนคลาย



จะดีกว่ามั๊ย ถ้าเราสามารถดูแลสุขภาพได้ ตลอดเวลา  ทั้งในเวลาทำงาน ตอนออกกำลังกาย  ดินเนอร์ หรือ แม้กระทั่งเวลา นอน  ด้วยการคืนความสมดุลให้กับร่างกาย ของคุณ ด้วย Life Wave X39  ผลิตภัณฑ์นวตกรรม รูปแบบใหม่ ของการบำบัดด้วยแสง (Phototherapy) ศาสตร์การกดจุด(Acupressure) ด้วยการใช้ความร้อนจากภายในร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานและสะท้อนเป็นคลื่นความถี่เฉพาะในการกระตุ้นจุด เพื่อกดจุดบนร่างกาย อย่างอ่อนโยน และส่งสัญญาณให้กับสมอง สั่งให้ร่างกายเกิดกระบวนการชีวเคมี จากภายใน ช่วยปรับสมดุล และให้การฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม  

1.  ช่วยให้รู้สึกถึงการฟื้นตัวที่เร็วขึ้น  ด้วยการทำงานของการเพิ่มปริมาณ คอปเปอร์เปปไทด์ (GHK-CU)  ในร่างกายของคุณ 

2.  ช่วยให้รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดที่น้อยลง

3.  ช่วยให้มีพลังมากขึ้น รู้สึกมีชีวิตชีวา

4.  ช่วยให้รู้สึกถึงประสิทธิภาพของการนอนดีขึ้น
5.  ช่วยให้รู้สึกถึงผิวพรรณที่ดูสดใสขึ้น
6.  ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น จากการออกกำลังกาย การมี คอปเปอร์ เปปไทด์ (GHK-CU)  จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

ความเป็นมาของ Life Wave




พันธกิจของ life Wave

คือ การมอบเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรให้กับทุกคน เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้
ดีขึ้นในทุกด้าน พร้อมกับการสร้างโอกาส ทางธุรกิจแบบล้ำสมัย และไม่เหมือนใคร ประกอบด้วยวัฒนธรรม
ที่จะช้วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้บรรลุเป้าหมาย ตามความฝันของตน

เกี่ยวกับ Life Wave

David Schmidt   ได้ก่อตั้งบริษัท ไลฟ์ เวฟ ขึ้นในปี 2545 ( ปี คศ.2004) เป็นบริษัทวิจัยที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ท่านได้คิดค้น (และได้รับการจดสิทธิบัตรในภายหลัง)  เพื่อยกระดับสุขภาพด้วยการบำบัดด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่  Power Of The Patch   ต่อมาในเดือนสิงหาคมปี 2545  ได้เริ่มก้าวเข้าสู่ตลาด   จน ไลฟ์ เวฟ ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว    สามารถทำยอดขายได้ 17 ล้านดอลลาร์ในปีแรกของเรา

👉ตั้งแต่นั้นมา ไลฟ์ เวฟ  ก็ได้กลายเป็นบริษัทระดับโลกติดอันดับ   1 ใน 5000  บริษัท ในนิตยาสาร  Inc.5000 ที่มีสำนักงานในประเทศสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และ ประเทศไทย (ในเดือน มีนาคม 2565)  และได้จัดจำหน่ายสินค้าไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ไลฟ์ เวฟ จึงได้กลายมาเป็นเรื่องราวความสำเร็จระดับสากลอย่าง  แท้จริง   

💓ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไลฟ์ เวฟได้ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกได้เข้าถึงศักยภาพสูงสุดของพวกเขา  ด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทึ่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเรา ที่สามารถเพิ่มพลังงาน ให้การนอนหลับที่ดีขึ้น ลดความเครียดให้สมองได้พักผ่อน กระตุ้นสเต็มเซลส์ของร่างกายและให้ความรู้สึกอ่อนเยาว์  ซึ่งเราเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์แผ่นกดจุดไลฟเวฟ (Power Of The Patch) สามารถให้ความเปลี่ยนแปลงและให้โอกาสทางธุรกิจที่ทรงพลัง มีแรงผลักดันคุณในแต่ละวันให้มีความกระตือรือร้น และมีความรักในสิ่งที่ทำ  เพราะเมื่อคุณได้ยืนอยู่ในจุดที่ดีที่สุด คุณจะสัมผัสกับโลกที่แตกต่างจากเดิม และเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ



David Schmidt
ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ
บริษัท ไลฟ์ เวฟ